มะรุมคืออะไร

หนึ่งในสุดยอดอาหารสีเขียวที่มีชื่อเสียงและมีประโยชน์ที่สุดคือ moringa oleifera หรือรู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อ “มะรุม” ต้นมะรุมเป็นพืชท้องถิ่นแถบเชิงเขาหิมาลายันของประเทศอินเดีย แต่ถูกเพาะปลูกโดยทั่วไปในแถบกึ่งแห้งแล้ง เขตร้อน และกึ่งเขตร้อนทั่วโลก 

ต้นมะรุมมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และแต่ละส่วนของต้นนั้นสามารถนำไปใช้เชิงพาณิชย์หรือทางโภชนาการได้ ในขณะที่ประโยชน์ของต้นมะรุมเป็นที่รู้จักในฝั่งตะวันตกเมื่อไม่นานนี้เท่านั้น มะรุมได้ถูกนำมาใช้ในอินเดียและชมพูทวีปมาก่อนหลายศตวรรษแล้ว ส่วนประกอบที่อุดมไปด้วยสารอาหารของต้นมะรุมทำให้มันเป็นหนึ่งในยาสมุนไพรโด่งดังที่ถูกนำมาใช้ในยาอายุรเวทแผนโบราณ 

จากคำกล่าวนั้นชาชนิดนี้ที่ผลิตจากใบมะรุมแห้งบดจึงถือเป็นหนึ่งในชาที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่สุดที่สามารถบริโภคได้โดยแท้จริง

ชามะรุมได้รับชื่อเสียงว่ามีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นมากมาย ต้นมะรุมโดยเฉพาะใบ ฝัก และเมล็ดมีสารพฤกษเคมีที่สำคัญหลากหลาย เช่น แทนนินและฟลาโวนอยด์ ซึ่งอยู่ในชามะรุมเมื่อเป็นใบบด 

ประโยชน์ต่อสุขภาพและการใช้ที่สำคัญบางส่วนของชามะรุม

1. อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ 

ชามะรุม นั้นเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ  วิตามินซี  และ บีตา-แคโรทีน Dr. Amy Shah แพทย์ทรงคุณวุฒิกล่าวว่า “สารต้านอนุมูลอิสระมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน และช่วยต่อต้านและกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกาย ป้องกันอาการเครียดออกซิเดชันที่อาจเป็นอันตรายได้” 

ใบของต้นมะรุมยังอุดมไปด้วย เควอซิตินเช่นกัน แพทย์กล่าวเพิ่มเติมว่า “เควอซิตินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยทำให้น้ำตาลในเลือดคงที่ กำจัดอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดโรคได้” ใบมะรุมยังมีกรดคลอโรเจนิก ซึ่งอ้างอิงจากงานวิจัยนั้นอาจช่วยปรับและควมคุมระดับน้ำตาลในเลือด 

2. มีสารต้านการอักเสบ

ชามะรุมนั้นต้านการอักเสบโดยธรรมชาติเนื่องจากมีสารต้านการอักเสบที่รู้จักกันในชื่อไอโซไธโอไซยาเนตซึ่งบรรเทาอาการอักเสบระดับต่ำได้ Dr. Shah กล่าวว่า “อาการอักเสบถือเป็นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าปกติของร่างกาย อย่างไรก็ตามการอักเสบเรื้อรังชี้ให้เห็นถึงปัญหาทางสุขภาพต่างๆ รวมไปถึงความดันโลหิตสูง” การค้นคว้าชี้ให้เห็นว่า ฟีนอลไกลโคไซด์และสารอื่นๆ ในมะรุมบ่งชี้ถึงการมีภูมิคุ้มกันและต้านการอักเสบได้

3. ตัวช่วยในการย่อยอาหาร 

สารต้านการอักเสบใน ชามะรุม ช่วยในการย่อยอาหาร ทำให้สบายท้อง และช่วยให้สุขภาพทางเดินอาหารโดยรวมดีขึ้น คุณสมบัติการต้านเชื้อแบคทีเรียของชามะรุมยังช่วยให้การทำงานของลำไส้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสมอีกด้วย “สุดยอดอาหารหลายชนิด เช่น มะรุมสกัด อาจช่วยให้ลำไส้แข็งแรงและทำงานอย่างถูกต้อง คุณสมบัติที่เป็นยาปฏิชีวนะสูงและต้านเชื้อแบคทีเรียของมะรุมอาจช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อโรคในลำไส้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นมะรุมมี วิตามินบีสูง ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารโดยรวม ลดอาการท้องอืด ท้องผูก และปัญหาการย่อยอาหารอื่นๆ ”

4. กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและเพิ่มพลังงาน 

ระดับประสิทธิภาพที่สูงของ วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ทำให้ชานี้เหมาะสำหรับป้องกันหวัดและไข้หวัดใหญ่ “สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้กระตุ้นการผลิตเม็ดเลือดขาวซึ่งช่วยต่อสู้กับความเครียดออกซิเดชันอีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน” 

ชามะรุมยังเป็นตัวกระตุ้นพลังงานที่ไม่มีคาเฟอีนอีกด้วย Dr. Shah กล่าวเสริมว่า “การหลีกเลี่ยงคาเฟอีนและเลือกตัวกระตุ้นพลังงานจากธรรมชาติเหมาะสำหรับการส่งเสริมวงจรการนอนหลับ/ตื่นที่ดีต่อสุขภาพ และรักษานาฬิกาชีวิตให้ปกติ”

5. สุขภาพผิวและเส้นผมดีขึ้น

คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพของ มะรุม มีสารเคมีเข้มข้นสูงชื่อว่า ‘ไซโตไคนิน’ สารตัวนี้ไม่เพียงแค่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกทำลายแต่ยังกระตุ้นการเติบโตของเซลล์ และรักษาเสถียรภาพของ คอลลาเจนอีกด้วย ชามะรุมเปี่ยมไปด้วยโปรตีนหลากหลายชนิดเช่นเดียวกับกรดอะมิโนที่สำคัญเก้าชนิด และมีปริมาณวิตามินซีและบีรวมเพียงพออีกด้วย Dr. Shah อธิบายว่า “กรดอะมิโนเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีนที่ช่วยเพิ่มการเติบโตของเส้นผมและรักษาผิวให้ชุ่มชื้น ด้วยเหตุนี้การบริโภคมะรุมเป็นประจำเป็นวิธีที่ดีที่ช่วยให้สุขภาพผิวและเส้นผมดีขึ้น” 

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S2213453016300362 
  2. https://www.sciencedirect.com/topics/nursing-and-health-professions/phytochemical 
  3. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/19324944/ 
  4. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4071966/
  5. https://arthritis-research.biomedcentral.com/articles/10.1186/s13075-018-1597-9 
  6. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/20435128/ 
  7. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/21771453/ 
  8. https://www.britannica.com/science/cytokinin