DISCLAIMER
บล็อกนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การวินิจฉัย...
บล็อกนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การวินิจฉัยการรักษา หรือคำแนะนำทางการแพทย์ อ่านเพิ่มเติม. เนื้อหาที่ให้ไว้ในบล็อกนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น โปรดปรึกษากับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอื่น ๆ เกี่ยวกับทางเลือกในการวินิจฉัยหรือการรักษาทางการแพทย์หรือที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ข้อมูลในบล็อกนี้ไม่ควรพิจารณาใช้แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ การกล่าวอ้างเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เฉพาะเจาะจงในบล็อกนี้ไม่ได้รับการอนุมัติให้วินิจฉัย บำบัด รักษา หรือป้องกันโรค
ในบทความนี้:
กล้ามเนื้อ กระดูก ผิวหนัง และเส้นเอ็นประกอบด้วยคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีมากที่สุดในร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คอลลาเจนประกอบด้วย 30-35 เปอร์เซ็นต์ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกายมนุษย์ โปรตีนคอลลาเจนเป็นที่รู้จักกันในนามเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและมีหน้าที่ในการรักษาเสถียรภาพของผิวและรักษาการเคลื่อนไหวและความยืดหยุ่นของข้อต่อ นอกจากนี้คอลลาเจนยังช่วยให้ผิวของเรามีความยืดหยุ่น การศึกษาพบว่าการเสริมคอลลาเจนมีประโยชน์มากมาย ซึ่งรวมถึงการลดริ้วรอยบนใบหน้าและช่วยกำจัดเซลลูไลท์ เราจะพูดถึงเรื่องนี้เพิ่มเติมในบทความนี้
เมื่อเราอายุมากขึ้น ผิวของเราจะสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดรอยเหี่ยวย่นมากขึ้น มีสาเหตุหลายประการสำหรับสิ่งนี้ ความสามารถในการผลิตคอลลาเจนที่ลดลงมีส่วนเป็นต้นเหตุ ในขณะที่ความเครียดในชีวิตและความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชันก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน ผู้ที่มีเมลานินส่วนเกินในผิวหนังจะได้รับการปกป้องจากแสงแดดอัลตราไวโอเลตและความเสียหายจากรังสีอัลตราไวโอเลตมากมากกว่า ซึ่งเราเรียกว่า “melanoprotection” อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีเมลานินน้อยกว่าจะมีความเสี่ยงสูงต่อความเสียหายจากแสงอาทิตย์และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการแก่ก่อนวัย
อาหารเสริมคอลลาเจนมักจะประกอบด้วยกรดอะมิโนต่อไปนี้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์แยกกรดอะมิโนออกเป็นสามหมวดหมู่:
ผู้ผลิตคอลลาเจนหลายรายใช้แหล่งที่มาต่างๆ สำหรับผลิตภัณฑ์ของตน ในขณะที่บางเจ้าใช้แหล่งที่มาจากวัว บางเจ้าใช้ปลา California Gold Nutrition ใช้คอลลาเจนจากทะเลที่มีคุณภาพซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ทานเพสคาทาเรียน ซึ่งคือผู้ที่หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ทั้งหมดยกเว้นปลา
อาหารเสริมคอลลาเจนประกอบด้วยกรดอะมิโนหลากหลายประเภทที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม เช่นเดียวกับสุขภาพผิว เส้นเอ็น และกระดูก คอลลาเจนเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่อาจต้องการให้แน่ใจว่าได้รับกรดอะมิโนที่เพียงพอ แต่ต้องการบริโภคโดยใช้อาหารเสริมที่ปราศจากกลูเตนและนม นักยกน้ำหนักมักใช้การเสริมคอลลาเจนเพื่อให้แน่ใจว่ากล้ามเนื้อเติบโตได้สูงสุด บางครั้งพวกเขาก็เลือกเวย์โปรตีนผง
นักวิทยาศาสตร์ได้ระบุคอลลาเจนอย่างน้อย 28 ชนิด อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 90 ของคอลลาเจนในร่างกายมนุษย์คือชนิดที่ 1, ชนิดที่ 2, ชนิดที่ 3 และชนิดที่ 5
ระดับคอลลาเจนเริ่มลดลงหลังจากอายุ 35 ปี แม้ว่าเราจะหยุดเวลาไม่ได้ แต่ก็มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่หลายคนทำซึ่งเร่งการสูญเสียคอลลาเจนและทำให้แก่ก่อนวัย การสูบบุหรี่เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่จะทำลายและทำให้สูญเสียคอลลาเจน นี่เป็นสาเหตุหลักที่ผู้สูบบุหรี่มักดูแก่กว่าอายุตามเวลา การได้รับแสงแดดมากเกินไปและการถูกแดดเผาบ่อยครั้งจะทำลายคอลลาเจนของเรา เช่นเดียวกับอาหารที่มีน้ำตาลสูงซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระต่ำ
แม้ว่าอาหารเสริมสามารถช่วยให้แน่ใจว่าบุคคลจะได้รับคอลลาเจนที่เพียงพอ แต่ก็ยังมีมาตรการด้านอาหารที่บุคคลสามารถทำได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตคอลลาเจน นักโภชนาการแบบองค์รวม Kim D'Eon แนะนำรายการอาหารเพื่อช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนมากยิ่งขึ้น
การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าการเสริมคอลลาเจนสามารถช่วยในการเสริมสร้างข้อต่อและช่วยให้กระดูกแข็งแรง การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกายก็มีความสำคัญต่อสุขภาพข้อต่อเช่นกัน
อาการข้อเสื่อมเป็นผลมาจากการทำลายกระดูกอ่อนภายในข้อต่อ คาดว่าผู้คนมากกว่า 250 ล้านคนได้รับผลกระทบทั่วโลก ในความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ซึ่งมีผลข้างเคียง หลายคนเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับโรคข้ออักเสบตามธรรมชาติเพื่อลดความเจ็บปวดที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เราอาจจะช่วยสร้างคอลลาเจนใหม่และป้องกันการสูญเสียกระดูกอ่อนได้หรือไม่?
การศึกษาในปี 2017 โดยใช้แบบจำลองของสัตว์แสดงให้เห็นว่าการเสริมคอลลาเจนไม่เพียงช่วยลดการอักเสบในข้อต่อ แต่ยังป้องกันการสูญเสียกระดูกอ่อนในข้อต่ออีกด้วย
เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกจะบางลง แพทย์จะวินิจฉัยโรคกระดูกพรุนเมื่อความหนาแน่นของกระดูกบางลงกว่าที่คาดไว้สำหรับอายุของบุคคล แพทย์จะให้ทำการทดสอบความหนาแน่นของกระดูกเพื่อตรวจสอบว่ามีภาวะดังกล่าวหรือไม่ ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุนมีความเสี่ยงที่จะมีกระดูกหักเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่มักพบกระดูกสะโพกหักระหว่างการหกล้มโดยไม่ได้ตั้งใจ ปัจจัยเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน ได้แก่ การสูบบุหรี่ การขาดวิตามินดี และการเป็นสตรีอายุ 65 ปีขึ้นไป
จากการศึกษาโดยใช้แบบจำลองของสัตว์ คอลลาเจนสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกได้ การศึกษาในปี 2005 พบว่าความแข็งแรงของกระดูกเพิ่มขึ้นเมื่อทานอาหารเสริมคอลลาเจน
เอ็นกล้ามเนื้อเป็นเส้นใยหนาที่ทำจากคอลลาเจน เอ็นกล้ามเนื้อเชื่อมต่อกล้ามเนื้อกับกระดูกและมีหน้าที่ในการเคลื่อนไหว การดูแลให้เอ็นกล้ามเนื้อแข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยป้องกันการบาดเจ็บ อาการบาดเจ็บที่เอ็นกล้ามเนื้อเป็นเรื่องปกติในหมู่นักกีฬาและนักรบสุดสัปดาห์ จากการศึกษาในปี 2005 การเสริมคอลลาเจนช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเอ็นกล้ามเนื้อ ในขณะที่การศึกษาในปี 2016 พบว่าการเสริมคอลลาเจนสามารถช่วยเพิ่มความหนาของเอ็นร้อยหวายในสัตว์ทดลองได้
เป็นที่คาดว่าผู้หญิงทั่วโลกใช้เงิน 382 พันล้านดอลลาร์ไปกับอุปกรณ์แต่งหน้าและความงาม ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ช่วยฟื้นฟูสัญญาณของความชราได้น้อยมาก แม้ว่าผลิตภัณฑ์บางอย่างจะป้องกันความเสียหายจากแสงอาทิตย์ได้ เนื่องจากการสัมผัสกับสารเคมีและสารพิษ หลายคนจึงเลือกใช้เครื่องสำอางและสบู่จากธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม คำถามคือเราจะปรับปรุงผิวของเราจากภายในสู่ภายนอกได้อย่างไร?
การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการเสริมคอลลาเจนมีประโยชน์มากมายสำหรับผิว การศึกษาพบว่าการเสริมคอลลาเจนด้วยการรับประทานนั้นอาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีเซลลูไลท์และริ้วรอย นอกจากนี้ยังอาจปรับปรุงการเจริญเติบโตของเส้นผมและเล็บ ประมาณกันว่าในช่วงวัยสามสิบปี เราเริ่มสูญเสียคอลลาเจนในร่างกายประมาณร้อยละหนึ่งต่อปี ซึ่งเราควรพิจารณาเสริมคอลลาเจนด้วย
เซลลูไลท์เป็นภาวะที่ผู้คนพยายามจะฟื้นฟูย้อนกลับมาหลายสิบปี การศึกษาแบบอำพรางสองฝ่ายและมีกลุ่มควบคุมซึ่งใช้ยาหลอกในปี 2015 สรุปว่า: “…การบำบัดระยะยาวด้วย BCP (Bioactive Collagen Peptides) ด้วยการรับประทาน ทำให้เกิดการพัฒนาในด้านเซลลูไลท์และมีผลในเชิงบวกต่อสุขภาพผิว” ในการศึกษานี้ ผู้หญิงทานคอลลาเจนเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน และเริ่มเห็นถึงพัฒนาการตั้งแต่ 3 เดือนแรก
จากการศึกษาในปี 2014 ใน Clinical Intervention in Aging พบว่าการทดแทนคอลลาเจนช่วยลดเลือนริ้วรอยของผิวได้ นอกจากนี้ ผลการศึกษาแบบอำพรางสองฝ่ายและมีกลุ่มควบคุมซึ่งใช้ยาหลอกในปี 2014 พบว่าความยืดหยุ่นของผิวดีขึ้นในกลุ่มทดสอบที่รับประทานคอลลาเจน 2,500 มก. ต่อวันเป็นเวลาแปดสัปดาห์ เมื่อเทียบกับผู้ที่ทานยาหลอก การศึกษาอีกชิ้นในปี 2012 พบว่าริ้วรอยและความแห้งกร้านดีขึ้นเมื่อรับประทานคอลลาเจน 1,000 มก. เป็นเวลา 12 สัปดาห์
การศึกษาในปี 2016 ใน Journal of Science of Food and Agriculture สรุปว่าการใช้คอลลาเจนด้วยการรับประทาน “ทำให้สภาพผิวหน้าดีขึ้น ซึ่งรวมถึงความชุ่มชื้นของผิวหน้า ความยืดหยุ่น ริ้วรอย และความหยาบกร้าน”
ผลการศึกษาในปี 2008 สรุปว่า “ผลการวิจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าคอลลาเจนเปปไทด์มีประโยชน์ในฐานะอาหารเสริมเพื่อยับยั้งการทำลายผิวที่เกิดจากรังสียูวีบีและการเกิดริ้วรอยแห่งวัยจากภาพถ่าย” การศึกษาในปี 2015 ใน Journal of Cosmetic Dermatology ได้รายงานผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกันด้วยการเสริมคอลลาเจนด้วยการรับประทาน นักวิจัยสรุปว่า "การเสริมคอลลาเจนเปปไทด์ด้วยการรับประทานมีประสิทธิภาพในการแก้ไขริ้วรอยผิวที่เด่นชัด"
เล็บที่แข็งแรงและผมที่แข็งแรงเป็นตัวบ่งชี้ถึงสุขภาพโดยรวมของคนๆ หนึ่ง การศึกษาในปี 2017 ใน Journal of Cosmetic Dermatology แสดงให้เห็นว่าการเสริมคอลลาเจน 2,500 มก. ส่งผลให้อัตราการเติบโตของเล็บเพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์และเล็บหักลดลง 42 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ สี่ในห้ายังเห็นด้วยว่ารูปลักษณ์เล็บโดยรวมของพวกเขาดีขึ้น
จากการศึกษาพบว่าคอลลาเจนยังมีประโยชน์สำหรับผู้ที่พยายามปรับปรุงสุขภาพลำไส้ คอลลาเจนยังมีประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพสุขภาพหัวใจ
คอลลาเจนช่วยบำรุงสุขภาพลำไส้ สาเหตุหลักคือเมื่อรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจน คุณจะได้รับกรดอะมิโนกลูตามีนหรือกรดกลูตามิกในระดับสูง กลูตามีนให้ “อาหาร” สำหรับแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพในลำไส้ของเรา เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะลำไส้รั่วและวิธีอื่นๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพสุขภาพลำไส้
ส่วนประกอบส่วนใหญ่ของหลอดเลือดประกอบด้วยคอลลาเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนิด IV วิตามินซี ไลซีน และโพรลีนเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการสร้างคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพ ในปี 1989 Linus Pauling ผู้ชนะรางวัลโนเบล 2 สมัยเสนอ “ทฤษฎีรวมของโรคหัวใจและหลอดเลือดของมนุษย์” เขาเสนอว่าวิตามินซี โพรลีน และไลซีนที่เพียงพอสามารถช่วยให้หลอดเลือดแดงแข็งแรงและป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้ และการเสริมคอลลาเจนให้สารอาหารที่สำคัญเหล่านี้
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนด้วยการรับประทานนั้นมีหลายสูตรที่ขายทางออนไลน์ บางชนิดมีแหล่งที่มาจากวัว ในขณะที่บางชนิดมีแหล่งที่มาจากทะเล (ปลา) ฉันแนะนำให้ทานอย่างน้อย 3,000 ถึง 5,000 มก. ต่อวัน คุณควรพิจารณาการรับประทานวิตามินซีเพิ่มเติม 1,000 ถึง 2,000 มก. เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแข็งแรงของคอลลาเจน
อ้างอิง:
